5 ขนมไทยโบราณหายากที่คนรุ่นใหม่ควรรู้จัก


5 ขนมไทยโบราณหายากที่คนรุ่นใหม่ควรรู้จัก


 ถ้าพูดถึงขนมไทยโบราณหลายคนอาจจะเคยผ่านตาจากละครพีเรียดทางทีวี หรือลองลิ้มชิมรสความหอมหวานตามร้านขนมไทยมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นเพียงบางส่วนของขนมไทยในสมัยโบราณเท่านั้น อันที่จริงยังมีขนมไทยโบราณอีกหลายชนิดที่เรียกได้ว่าเป็น rare item ที่หากินยากในสมัยนี้ บอกชื่อไปบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ ดังนั้นวันนี้พวกเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับขนมไทยโบราณที่หากินยากกัน


เกร็ดน่ารู้ของ “ขนมไทยโบราณ”

ขนมไทยถือเป็นมรดกอันล้ำค่าที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยในอดีตไม่ใช่คนทั่วไปที่จะสามารถกินได้ แต่จะกินได้ก็ต่อเมื่อมีงานนักขัตฤกษ์ หรืองานบุญสำคัญเท่านั้น ขนมไทยโบราณแต่ดั้งเดิมจะมีส่วนประกอบหลักแค่ 3 อย่าง ได้แก่ แป้ง กะทิ และน้ำตาลปี๊บซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นและมีวิธีการทำขนมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การนึ่งและการต้มโดยในสมัยก่อนมีประเพณีที่มีชื่อเสียงและเกี่ยวข้องกับขนมไทยโบราณนั่นคือประเพณีกินสี่ถ้วย คือการกินขนมไทยกับกะทิเรียกกันว่า “ขนมสี่ถ้วย” จัดเสิร์ฟมาในสำรับเดียวกัน โดยกินกับน้ำกะทิอบควันเทียนเพื่อเพิ่มความหวานและกลิ่นหอมละมุน นิยมกินกันในงานมงคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานแต่งงาน เนื่องจากมีความหมายที่ดีงาม ประกอบไปด้วย 

- ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) หมายถึง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง
- นกปล่อย (ลอดช่อง) หมายถึง มีความรักลื่นไหล ไม่มีอุปสรรค
- นางลอย (ข้าวตอก) หมายถึง ความรักที่อยู่ในกรอบของประเพณีที่ดีงาม
- อ้ายตื้อ (ข้าวเหนียวดำ) หมายถึง ตัวแทนความรักที่หนักแน่น ไม่หวั่นไหว



กระทั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขนมไทยอีกครั้ง โดยครั้งนี้ “มารี ตองกีมาร์” ชาวโปรตุเกส ได้นำเอาวิธีการทำขนมไทยในแบบฉบับของชาวตะวันตกเข้ามาประยุกต์กับการทำขนมไทย และนำเอา “ไข่ไก่” ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญเข้ามาใช้ด้วย ซึ่งทำให้ได้ขนมไทยที่มีสีเหลืองทองชวนรับประทาน ที่จึงเป็นเหตุผลที่ในยุคนี้มีขนมชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อเรียกว่า "ทอง" อยู่มากมาย ได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองม้วน เป็นต้น

ชนิดของ “ขนมไทยโบราณ” หายาก

อันที่จริงแล้วนอกจากขนมไทยหลายอย่างที่เรารู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมลูกชุบ และขนมไทยอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งสามารถหากินได้ในปัจจุบัน ยังมีขนมไทยโบราณอีกหลายชนิดที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์และรสชาติ ซึ่งรับรองว่าหากเอ่ยชื่อขึ้นมาหลายคนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนก็เป็นได้ และนี่คือ 5 ขนมไทยโบราณหายากที่คนรุ่นใหม่ควรรู้จักเอาไว้ 

1. ทองพลุ
เป็นขนมที่นิยมใช้ในพิธีมงคลต่าง ๆ โดยคำว่า “ทอง” หมายถึงของที่มีค่า ส่วนคำว่า “พลุ” หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง โดยดัดแปลงมาจากขนมเอแคลร์ของฝรั่งเศสที่ใช้วิธีการอบนั่นเอง ลักษณะของทองพลุจะเป็นก้อนกลมคล้ายหยดน้ำ สีเหลืองทอง ด้านในเป็นโพรง และมีผิวเรียบ สามารถใส่ไส้เพิ่มได้


2. สัมปันนี
เป็นขนมมงคลใช้ในพิธีแต่งงาน โดยมีความหมายคือ การเป็นที่รัก เมื่อรับประทานเข้าไป เนื้อขนมจะละลายในปากมีรสหวานและหอมกลิ่นควันเทียน รูปร่างคล้ายดอกไม้มีสีสันสวยงาม มีทั้งสูตรกรอบและนุ่มให้เลือกรับประทาน และเช่นเดียวกับทองโปร่ง 



3. ขนมกง
บางคนเรียกว่า “ขนมกงเกวียน” เป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะเป็นวงกลมและมีเส้นพาดผ่านคล้ายกับล้อของเกวียน ซึ่งสื่อความหมายถึงการมีความเป็นอยู่อย่างเป็นสุข เปรียบเสมือนให้คู่บ่าวสาวได้ใช้ชีวิตเคียงข้างกันด้วยใจคอที่หนักแน่น มีความรักให้กันตลอดไปเหมือนกงล้อเกวียน และเปรียบได้กับธรรมจักร 



4. ทองโปร่ง หรือ ขนมหน้านวล
เป็นขนมไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณที่ดัดแปลงมาจากขนมโปรตุเกสในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งขนมที่มีความหมายมงคลเช่นกัน ลักษณะของทองโปร่งคือ รูปทรงคล้ายเรือ มีสีเหลืองนวล กรอบนอก และด้านในต้องโปร่งมีฟองอากาศของน้ำตาลสีเหลืองอมส้ม เมื่อรับประทานใหม่ ๆ จะมีน้ำตาลเยิ้มออกมา สำหรับขนมทองโปร่ง หรือขนมหน้านวลนั้นในปัจจุบันก็ยังมีร้านขนมไทย 



5. พระพาย
เป็นขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงาน ใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับนํ้าดอกมะลิ ใส่สีต่าง ๆ เพื่อหุ้มไส้ที่ประกอบด้วยถั่วเขียวเลาะเปลือกที่บดละเอียด ผสมกับกะทิ และนํ้าตาลปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อหุ้มเสร็จแล้วนํามาวางบนใบตองที่ตัดเป็นกลม ๆ เมื่อนึ่งสุกแล้ว พรมด้วยหัวกะทิ เชื่อกันว่าแป้งข้าวเหนียวที่ใช้หุ้มไส้ หมายถึงความเหนียวแน่นมั่นคง และความหวานของไส้คือความรักอันแสนหวาน 



สมาชิก

1.นางสาวณัฏฐธิดา อุปะทะ เลขที่34 ม.6/4
2.นางสาว รุจี บุตรนนท์ เลขที่35 ม.6/4
3.นางสาว วิภวานี แสนโสภา เลขที่36 ม.6/4
4.นางสาว สิริกัญญา บุตรน้อย ้ลขที่37 ม.6/4



 

ความคิดเห็น